 หัวเรื่อง:ไม่มีชื่อไทย (ชื่ออังกฤษ : การใช้แก๊สเมทิลโบรไมด์รมแปลงเพาะกล้ายาสูบ) ผู้เขียน: ประพัฒน์ สิทธิสังข์, มานพ แก้วกำเนิด สื่อสิ่งพิมพ์:pdf Abstractศัตรูปัจจุบันที่สำคัญจัดตามลำดับคือ วัชพืช, โรค, แมลง, ไส้เดือนฝอย การใช้แก๊สเมทิล-โบรไมด์กับแปลงเพาะนิยมกันมากในสหรัฐอเมริกาเพราะให้ผลดีต่อการกำจัดศัตรูกล้ายาสูบทั้ง 4 ชนิด ดังกล่าว ยานี้เริ่มใช้ในฝรั่งเศสราวปี 2475 ใช้รมฆ่าแมลง ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นรู้จักใช้กับแปลงเพาะยาสูบราวปี พ.ศ. 2487 เมืองไทยเริ่มใช้กับแปลงเพาะยาสูบปี 2500 ชีวัน ณรงคะชวนะได้เขียนเรื่องการใช้แก๊สนี้ก่อนผู้อื่น คือเมื่อปี 2497 ดร. เอียน ขัมพานนท์ เป็นผู้สั่งมาใช้กับแปลงเพาะยาสูบเมื่อปี 2500 ก่อนจะมีการใช้อย่างกว้างขวางทางสถานีทดลองยาสูบได้ทำการศึกษาหาวิธีใช้ที่เหมาะสมสภาพการเพาะยาสูบในบ้านเราเพราะเป็นยาอันตรายและผู้ใช้ยังไม่คุ้นเคยกับยานี้ พนักงานกีฏวิทยาและผู้บ่มอิสระหลายนายได้ช่วยกันปรับปรุงวิธีการใช้จนได้ผลเป็นที่พอใจแต่อย่างไรก็ตามการใช้ยานี้ในบ้านเรายังมีอุปสรรคอยู่บ้างหลายประการ อาทิเช่น : 1. ลักษณะแปลงเพาะยาสูบมาตรฐาน 1?11 ม. ยังขัดกับการใช้ยานี้เพราะขนาดแปลงเล็กไปทำให้การลงทุนแพงขึ้น เช่นต้องขุดดินรอบแปลงมากกว่า 2. จำนวนแปลงเพาะที่จะต้องรมแก๊สมากมายหลายแห่งสถานีเดียวมีถึง 2,000 แปลง 3. วัชพืชในบ้านเราบางชนิดไม่ตาย 4. ประเทศเราไม่ได้ผลิตยาเมทิลโบรไมด์เองยานี้เมื่อเก็บไว้นานในกระป๋องเหล็กยามักเสื่อมคุณภาพไม่มีผลดีเท่าที่ควร 5. การให้น้ำกล้ายาสูบโดยนำน้ำจากที่ๆไหลผ่านป่าหญ้า, โรคมรดกกล้าอีก 6. ราคายายังแพงไป เพราะขนาดบรรจุเล็กไปและต้องสั่งจากต่างประเทศ 7. ผ้าคลุมปลาสติคมีขนาดไม่พอเหมาะกับแปลงมาตรฐาน 8. ถ้ามุ่งแต่กำจัดวัชพืชอาจได้ผลดีเฉพาะวัชพืชบางชนิด ไส้เดือนฝอยและโรคได้ผลน้อยเกินไป 9. แก๊สนี้รั่วไหลง่ายต้องระมัดระวังขณะใช้อยู่มาก ถ้าผ้าปลาสติคที่ใช้คลุมมีรูรั่วไม่ได้ผล |
หัวเรื่อง:ไม่มีชื่อไทย (ชื่ออังกฤษ : การกำจัดไส้เดือนฝอยที่ทำให้เกิดโรครากปมในต้นยาสูบ) ผู้เขียน:มานพ แก้วกำเนิด สื่อสิ่งพิมพ์:pdf Abstractในบรรดาโรคที่สำคัญๆ ของยาสูบในขณะนี้ โรครากปมซึ่งเกิดจากไส้เดือนฝอย (root-knot nematodes) เป็นโรคหนึ่งซึ่งทำความเสียหายในแก่การเพาะปลูกยาสูบในประเทศไทยอย่างมากมาย รูปร่างลักษณะของไส้เดือนฝอยที่ทำให้เกิดโรครากปมในต้นยาสูบตัวอ่อนและตัวผู้คล้ายกับไส้เดือนธรรมดาในดิน แต่มีขนาดเล็กกว่ามากคือมีความยาวเพียง 2-4 มม. เท่านั้น มองดูด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น สำหรับตัวเมียที่แก่และได้รับการผสมพันธุ์แล้ว ลำตัวจะขยายใหญ่ขึ้นมีรูปร่างคล้ายกับน้ำเต้า มีขนาดโตพอที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ |